เทคนิคการขับรถขึ้นเขา-ลงเขา ให้ปลอดภัย.

ช่วงเข้าเดือนตุลา นี้ก็ถือว่าเป็นการเข้าสู่ช่วงปลายฝน ต้นหนาวแล้ว และเริ่มเป็นช่วงของการท่องเที่ยวโดยเฉพาะ การท่องเที่ยวดอย ที่มีอากาศหน้า วันนี้มีบนความดีๆ เกีียวกับการใช้รถใช้ถนนมาฝาก

ดูไว้ ได้ใช้แน่นอน เทคนิคการขับรถขึ้นเขา-ลงเขา ให้ปลอดภัย


สำหรับการขับขี่รถยนต์ขึ้นเขา – ลงเขา เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะ อั น ต ร า ย โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งหัดขับ หรือยังขับรถไม่แข็ง เพราะต้องใช้ความสามารถในการขับรถค่อนข้างสูง แต่ในเส้นทางที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับใครที่จะต้องเจอเส้นทางขึ้นเขา – ลงเขาบ่อยๆ วันนี้เราได้นำเทคนิคการขับรถขึ้นเขา – ลงเขา ที่ถูกต้องมาฝากกันค่ะ

หลักการขับรถขึ้นเขา

  • ดูที่ความชันว่ามากหรือน้อย ให้ใช้เกียร์ D2-D1 ขึ้นอยู่กับความชัน และเมื่อรถอยู่ในทางราบให้เปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้าง
  • เหยียบคันเร่งตามจังหวะความชัน พยายามให้รอบเครื่องอยู่ประมาณ 2000-3500 ควบคุมไม่ให้เกิน 4500
  • ความเร็วที่เหมาะสมคือ 50-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ควรใช้ความเร็วที่มากกว่านี้ หากมีรถแซง ก็ขับชิดซ้ายไว้ ให้เขาไปก่อนเลย ส่วนเาไม่ต้องรีบ ค่อยๆไปตามจังหวะของเรา
  • ระยะห่างระหว่างคันข้างหน้า ควรเว้นที่ 30-50 เมตร เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เบรกกระทันหัน หรือรถดั บกลางทาง เป็นต้น เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้กับเราเอง
  • หากต้องขับทางโค้งรูปตัว s เป็นระยะทางต่อเนื่อง ต้องมองเส้นทางแบบไกลๆ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีรถสวนมาแน่นอน จากนั้นให้ถอนคันเร่ง แล้ว เ สี ย บตัดโค้งให้แนวทางการขับขี่เป็นเส้นตรงมากที่สุด
  • ถ้าเจอทางโค้งแคบและมีสันเขาบังสายตา ให้เข้าโค้งแบบธรรมดา และบีบแตรส่งสัญญาณเพื่อให้รถคันอื่นทราบว่ามีรถกำลังสวนมา

หลักการขับรถลงเขา

  • เวลาจะลงเขา ห้ามใส่เกียร์ว่าง “N” เด็ดขาด เพราะรถจะไหลลงด้วยความเร็วสูง แต่ควรใช้เกียร์ D และควบคุมความเร็วของรถให้สัมพันธ์กับเกียร์ไว้ตลอด
  • วิธีการเบรกเวลาจะลงเขา ให้แตะเบรกเบาๆ เป็นช่วงๆ เพื่อให้รถค่อยๆชะลอความเร็วลง ไม่ควรเหยีย บเบรกค้างนานๆ เพราะจะทำให้ผ้าเบรกไ ห ม้ หรืออาจจะ เบรกแ ต ก
  • หากไม่จำเป็นไม่ควรเหยีย บคันเร่ง ปล่อยให้รถไหลลงมาเองด้วยการใช้เกียร์ D/D1-2 จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
  • หากเจอช่วงโค้งหักศอกแล้วลาดลง ให้แตะเบรกและผ่อนความเร็วลงมาที่ 40-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
  • ไม่ควรแซงรถในช่วงทางลาดชัน โดยเฉพาะรถบรรทุกหนัก เพราะรถพวกนี้จะมีอัตราเร่งสูงกว่ารถทั่วไป

เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่รถ ยิ่งถ้ารู้ล่วงหน้าว่าต้องไปที่ไหน ต้องเจอกับสภาพเส้นทางอย่างไร ก็ควรที่จะศึกษาดูเส้นทางนั้นให้ละเอียด และตรวจเช็คสภาพรถทุกครั้งก่อนออกเดินทาง รวมถึงเตรียมความพร้อมสภาพร่างกายของผู้ขับขี่ด้วยนะคะ ไม่ประมาทในการขับขี่ เพื่อความปลอดภัยกับตัวเองและเพื่อนร่วมทาง

ขอบคุณที่มา : tumjaipost.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *