ถั่งเช่า คืออะไร ทำไมถึงแพง

เหตุใด “Parasite” ตัวนี้จึงกลายเป็น “ปรสิต-ที่แพงที่สุดในโลก” (กิโลละกว่า 4 ล้านบาท)

เชื่อหรือไม่ว่าในอดีตชาวจีนแสดงฐานะความร่ำรวยด้วยการให้ “ปรสิตหนอน” (Caterpillar Fungus) หรือที่เราเรียกกันว่า “ถั่งเช่า” เป็นของขวัญ แม้จะฟังดูแปลกแต่นี่คือ “ปรสิตที่แพงที่สุดในโลก” ซึ่งน้อยคนจะมีครอบครองเพราะมันหายากสุด ๆ (ชาวจีนโบราณเป็นผู้ริเริ่มนำมันมาเป็นยาบำรุงเมื่อ 1,000 ปีก่อน แต่เพิ่งจะได้รับความนิยมเมื่อช่วงปี 2000 นี่เอง)

ถังเช่า : เกิดจากหนอนผีเสื้อกลางคืน (Hepilus fabricius – ชื่อเล่น Ghost Moth) ที่ถูกเชื้อราปรสิตชื่อ Ophiocordyceps sinensis (โอพิโอ-คอร์ดี้เซป-ซิเนนซิส) เข้ายึดร่าง – จากนั้นจึงบังคับตัวหนอนให้คลานขึ้นใกล้กับผิวดินเพื่อรอแพร่กระจาย – แต่ระหว่างนั้นตัวหนอนก็จะถูกปรสิตค่อย ๆ กินจนแห้งตาย – เมื่อเข้าใกล้กับผิวดินมากพอปริสิตก็จะโผล่รากขึ้นมาเหนือผิวดิน – เพื่อแพร่กระจายสปอร์ไปยังหนอนตัวอื่น และจะวนเป็นวัฏจักรแบบนี้ไปเรื่อย ๆ

โดยปริสิตชนิดนี้เติบโตได้ดีเมื่ออยู่ในพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 4,000 เมตร จึงทำให้พบได้มากในบริเวณที่ราบสูงของประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น เช่น เนปาล อินเดีย ภูฏาน และทิเบต โดยจะสามารถเก็บเกี่ยวได้เพียง 1 ครั้งต่อ 1 ปีเท่านั้น

จุดเริ่มต้นของความนิยม : มาจากการแข่งขันกีฬาแห่งชาติที่กรุงปักกิ่ง เมื่อปี 1993 โดยนักวิ่งชาวจีนชื่อ วัง จุนเชีย สามารถสร้างสถิติโลกใหม่จากการวิ่งระยะไกล 3,000 เมตร ด้วยเวลาเพียง 8 นาที 27 วินาที ซึ่ง มา จูเรน โค้ชของเขาให้สัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังความสำเร็จนี้ว่า “ฝึกซ้อมอย่างหนักและบำรุงร่างกายด้วยถั่งเช่า”

จึงทำให้ไม่แปลกที่นับแต่นั้นผู้คนก็เริ่มหันมาสนใจเจ้าเชื้อราปรสิตชนิดนี้จนกลายเป็นที่ต้องการทั่วโลก เพราะเชื่อว่ามีสรรพคุณช่วยรักษาโรคได้หลากหลาย วัณโรค อาการไอ โลหิตจาง ปวดหลัง ปวดเข่า โรคหอบหืด แถมช่วยชะลอวัยและเป็นยาบำรุงกำลังเพิ่มประสิทธิภาพทางเพศของผู้ชายได้ด้วย

อีกทั้งปัจจุบัน ด้วยภาวะโลกร้อนและอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้เชื้อราชนิดนี้แพร่เชื้อน้อยลง จำนวนหนอนผีเสื้อเองก็ลดลงเช่นกัน ส่งผลให้ถังเช่าหายากขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อปี 2017 ราคาเคยพุ่งสูงถึง 4 ล้านบาท/1 กิโลกรัม (แพงกว่าราคาทองคำ ณ ตอนนั้น 3 เท่า) นักวิทยาศาสตร์จึงคิดค้นวิธีการเพาะพันธุ์ถังเช่าในห้องทดลอง เพื่อให้สามารถหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่สูงอย่างในอดีต โดยปัจจุบันมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 100,000 บาท/1 กิโลกรัม

แต่อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของแพทย์ทางธรรมชาติ (IMCD) ระบุว่า ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอที่จะจัดให้ถังเช่าเป็นยารักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคหรือเพิ่มประสิทธิภาพใด ๆ เพราะเคยมีการทดลองกับนักปั่นจักรยาน โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพปั่นจักรยานก่อน-หลังกินถังเช่า ผลปรากฏว่า “ไม่ได้มีความแตกต่างแต่อย่างใด”

กระทั่งเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2020 ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขของประเทศจีนได้ประกาศให้ตัด “ถั่งเช่า” ออกจากบัญชีในกลุ่มประเภท “อาหารเพื่อสุขภาพ” เนื่องจากไม่พบคุณสมบัติทางยาตามที่อ้าง เป็นเพียงเชื้อราในซากหนอนเท่านั้น

ทั้งนี้ ในแต่ละปีตลาดการค้าถั่งเช่ามีมูลค่ามากถึง 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งยังเป็นแหล่งรายได้หลักของคนท้องถิ่นในแถบหิมาลัย ตัวอย่างเช่น ที่คาสิโนลาสเวกัสหลายแห่งยังมีเมนูซุปชื่อว่า “ทองคำแห่งหิมาลัย” ราคาถ้วยละ 23,000 บาท โดยใช้ถั่งเช่าเป็นวัตถุดิบเพียง 7 กรัมเท่านั้น

(แม้ทางการแพทย์จะไม่มีการรับรองว่ามันช่วยเรื่องสุขภาพของมนุษย์มากน้อยแค่ไหน แต่คนที่มีเงินมากพอที่จะ ซื้อ-กิน-แจก ก็เป็นการแสดงความร่ำรวยทางหนึ่ง จึงทำให้มันเป็นที่ต้องการของคนที่มีกำลังซื้อนั่นเอง)

[/read]

ขอบคุณที่มา: www.flagfrog.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *